คู่รักชาวอินเดีย กระโดดน้ำตาย แต่ฝ่ายชายเปลี่ยนใจวินาทีสุดท้าย ฝ่ายหญิงไม่ยอมฮึดว่ายน้ำขึ้นมาแจ้งความ กลายเป็นไวรัลสุดเศร้าปนความอิหยังวะ เมื่อคู่รักชาวอินเดียคู่หนึ่งได้ตัดสินใจปลิดชีวิตของตัวเอง ด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกัน เนื่องจากความรักของทั้งคู่ไม่สมหวัง ต่างฝ่ายต่างถูกกีดกัน แต่สุดท้ายฝ่ายชายเปลี่ยนใจไม่ยอมกระโดดลงไปด้วย จึงทำให้คดีพลิก
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมานั้น ทางเว็บไซต์ indiatimes
ได้เปิดเผยเรื่องราวของคู่รักชาวอินเดีย จากเมืองประยาคราช รัฐอุตตรประเทศ ที่มีจุดจบสุดงงงวยจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกออนไลน์มากมาย เนื่องมาจากชะตากรรมสุดรันทดของทั้งคู่นั้นมีเรื่องราวชวนตกตะลึงยิ่งกว่าในละคร โดยคู่รักคู่นี้ต่างฝ่ายต่างก็มีคนรักของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดำเนินไปอย่างไม่สมหวังเป็นระยะเวลายาวนานถึง 7 ปี
ทั้งสองคนทุกข์ระทมใจที่ไม่สามารถอยู่กับคนที่รักได้ จึงกำหนดวันและเวลาเพื่อที่จะไปกระโดดสะพานแม่น้ำยมุนาในวันที่ 29 พฤษภาคม 2565 แต่สุดท้ายแล้วหลังจากที่ฝ่ายหญิงกระโดดลงไปในแม่น้ำ ฝ่ายชายก็เกิดอาการหวาดกลัวจนไม่กล้ากระโดดตามลงไป ด้านฝ่ายหญิงที่โดดลงไปก่อนยังไม่จมน้ำในทันทีก็เห็นว่าฝ่ายชายไม่ได้โดดตามลงมาด้วย
ด้วยความโกรธที่ถูกคนรักหักหลัง ฝ่ายหญิงจึงแข็งใจว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง และหลังจากที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เธอก็ได้แจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับฝ่ายชายในข้อหาพยายามฆ่า และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากโทรศัพท์ของฝ่ายหญิงได้รับความเสียหาย และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดก็พบว่าต่างฝ่ายต่างก็มีคู่ครองของตนเองอยู่ก่อนแล้ว โดยทางฝ่ายหญิงนั้นแต่งงานแล้ว และลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับฝ่ายชาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางฝ่ายหญิงจำเป็นต้องเดินทางไปต่างเมือง ซึ่งหลังจากที่เธอกลับมาก็พบว่าฝ่ายชายแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
และชนวนสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่เลือกเส้นการจบชีวิตรักนั้น เป็นเพราะว่าทางฝ่ายชายได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะหย่ากับภรรยาแล้วแต่งงานกับฝ่ายหญิง แต่ฝ่ายชายก็ไม่อาจทำตามคำสัญญาได้สักที ทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะกระโดดน้ำตายไปด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วแม้คดีจะพลิก มีการแจ้งตำรวจดำเนินคดี แต่ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังคงทำการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ และยังไม่ได้ข้อสรุปใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้
จากการสอบถามพนักงานประจำร้านก็พบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า โดยสังเกตจากรถยนต์ที่ใช้งาน ซึ่งหญิงคนที่ดังกล่าวได้เข้ามาขอใช้งานห้องน้ำ แต่ทางร้านกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมทำให้ไม่สามารถใช้งานได้
โดยในระหว่างที่พนักงานเผลอนั้น เธอก็แอบเข้าไปที่ห้องสำนักงานของร้าน ก่อนที่จะทำกิจส่วนตัวอย่างไม่สนใจ ตามที่กล้องวงจรได้จับภาพไว้ ซึ่งหลังจากที่เธอทำกิจเสร็จแล้วนั้น เธอก็ได้ทำความสะอาดแบบเร่งรีบก่อนที่จะขึ้นรถยนต์จากไปในทันที
ซึ่งพนักงานก็เพิ่งมาทราบในเวลาต่อมาหลังจากที่ได้กลิ่นเหมือนปัสสาวะในห้องดังกล่าว และทำการตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดอีกทีหนึ่ง โดยหลังจากนั้นก็ได้นำไปเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตจนเป็นข่าวกันไป
ตะลึง! พบ ปลาใหญ่สุดในโลก ในแม่น้ำโขง ยาวเกือบ 4 เมตร
ชาวประมงกัมพูชาได้ตะลึง หลังพบ ปลาใหญ่สุดในโลก ในแม่น้ำโขง ยาวเกือบ 4 เมตร กระชากสถิติเจ้าของเก่าอย่างเป็นประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า ชาวประมงในกัมพูชาสามารถจับกระเบนยักษ์ในแม่น้ำโขงได้ โดยปลากระเบนยักษ์นี้มีขนาดความยาว 3.98 เมตร และ กว้าง 2.2 เมตร หนัก 300 กิโลกรัม ทำให้ปลากระเบนตัวนี้ถือเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญที่สุดที่เคยถูกบันทึกไว้
โค่นสถิติเก่า ปลายักษ์ที่ถูกจับในประเทศไทยในปี 2548 โดยปลาที่ถูกจับในแม่โขงเมื่อ 17 กว่าปีที่แล้วมีขนาด 293 กิโลกรัม อย่างไรก็ไม่มีใครทราบว่าปลาที่ใหญ่ที่สุดโลกจริงๆแล้วมีขนาดเท่าใด
ซึ่งหลังจากที่ชาวประมงจับปลาตัวดังกล่าวได้ก็ตั้งชื่อว่า ‘บอระมี’ ที่มีความหมายว่า พระจันทร์เต็มดวง เนื่องจากรูปทรงของมัน ก่อนจะนำไปติดเครื่องติดตามกับปลาตัวดังกล่าว ก่อนจะกลับคืนสู่ธรรมชาติ ก่อนที่จะหายไปแม่น้ำโขง
ขณะที่ เซ็บ โฮแกน รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเนวาดา เรโน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การค้นพบปลาตัวนี้เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากและเป็นสัญญาณที่ดี และมันเป็นยิ่งเรื่องดีกว่าที่พบปลาขนาดใหญ่นี้ในแม่น้ำโขงที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน
พร้อมระบุว่าการค้นพบปลายักษ์ในครั้งนี้ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ในโลกธรรมชาตินั้นยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่าตระกานใจรอให้มนุษยฺ์ทำการค้นพบ ซึ่งการค้นพบปลาที่ทำลายสถิติยังหมายความว่า ภาพแวดล้อมยังคงแข็งแรง สวนทางกับแม่น้ำยางซีของจีนที่มีรายงานว่าพบปลาสูญพันธุ์
แม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน จีน เมียนมา ไทย และ ลาว นั้นเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ทว่าจำนวนปลาที่มาก เขื่อน และมลพิษ ทำให้เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศของแม่น้ำโขงที่มีความอ่อนไหวมาก
ก่อนหน้านี้นักวิจัยบราซิลระบุว่า จากผลการทดลองฉีดวัคซีนกับอาสาสมัครกว่า 9,000 คนนั้น วัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค มีประสิทธิภาพแค่ร้อยละ 50.4 เท่านั้น
แม้ว่าจะยังไม่มีตัวเลขถึงประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดดังกล่าวแน่ชัด แต่หลายประเทศเช่น บราซิล ตุรกี อินโดนีเซีย ได้ประกาศอนุมัติใช้วัคซีน โคโรนาแวค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป